วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ศาลปกครอง นัดไต่สวนครั้งสุดท้ายคดีมาบตาพุด 26 ส.ค. นายกสมาคมโลกร้อน เตรียมข้อมูลแถลงปิดคดี

นายกสมาคมโลกร้อนระบุศาลปกครอง นัดไต่สวนครั้งสุดท้ายคดีมาบตาพุด 26 ส.ค. เตรียมข้อมูลแถลงปิดคดี แจงกก.สิ่งแวดล้อมประกาศกำหนด11โครงการรุนแรง

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งร่วมกับชาวบ้านมาบตาพุด จ.ระยอง 43 ราย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ศาลปกครองกลางได้แจ้งหมายมายังผู้ฟ้อง และผู้ถูกฟ้องคดี รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด เพื่อให้ไปไต่สวนพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้จัดเตรียมข้อมูลไว้เพื่อปิดคดีในวันดังกล่าวแล้ว พร้อมจะชี้ให้ศาลเห็นว่าปัญหาความเดือดร้อนและเสียหายของประชาชนในพื้นที่มาบตาพุด - บ้านฉาง และใกล้เคียงในอดีตมาจนถึงปัจจุบันนั้น มีสภาพเป็นอย่างไร

พร้อมทั้งจะแฉพฤติการณ์ของหน่วยงานรัฐและรัฐบาลให้ศาลเห็นว่า ไม่ได้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านเลยและละเมิดกฎหมายอย่างไร อีกทั้ง 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุด-บ้านฉางและใกล้เคียง เหมาะสมที่จะเป็นโครงการประเภทรุนแรงตามที่ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งไว้แล้วอย่างไร รวมทั้งการชี้ให้ถือบรรทัดฐานของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เคยมีคำวินิจฉัยที่ 3/2552 ไว้แล้วเมื่อวันที่ 18 มี.ค.52

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติกำหนดโครงการประเภทรุนแรงจำนวน 11 โครงการ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยชัดแจ้ง เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ถือแนวทางของเสียงส่วนใหญ่ของภาคประชาชนทั่วประเทศที่มีมติให้มีโครงการหรือกิจกรรมประเภทรุนแรงเบื้องต้นตามรัฐธรรมนูญจำนวน 18 โครงการหรือมากกว่า ซึ่งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายได้สรุปเสนอต่อนายกรัฐมนตรีมาแล้ว มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ ดังกล่าวจึงถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมายและความต้องการของประชาชน สมาคมฯ จึงจะร่วมมือกับชาวบ้านทั่วประเทศ เพื่อฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกมติ หรือคำสั่งดังกล่าวต่อไป

"การรุกรี้รุกรนเร่งรีบสรุปโครงการโดยไม่นำพาเสียงของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพียงเพื่อให้หน่วยงานรัฐใช้เป็นข้ออ้างในศาลเพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงการไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสองเท่านั้น" นายศรีสุวรรณ

นายกฯตีกรอบแก้ปัญหาโครงการลงทุนมาบตาพุดจบภายใน 2 เดือน หลังนักลงทุนญี่ปุ่นขยาด

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในระหว่างการชี้แจงผลการประชุมหารือกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะ ระหว่าง 22-27 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีระบุว่าได้กำหนดกรอบสำหรับการแก้ไขปัญหามาบตาพุดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือนนับจากนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากฝ่ายญี่ปุ่นขอทราบความคืบหน้าปัญหามาบตาพุด ซึ่งไทยได้ชี้แจงว่าไทยเข้าใจว่าปัญหาดังกล่าวมีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่น แต่ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนไทยด้วยเช่นกันดังนั้นจึงต้องมีการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นขอให้ไทยสนับสนุนข้อเสนอการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแบบ ASEAN+6 หรือ CEPEA ซึ่งประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในการประชุมเอเปคที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.2553 ฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้ทราบว่าไทยได้ให้ความสำคัญต่อการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และขอขอบคุณที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดทำข้อเสนอแผนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจแบบ ASEAN+6 มาเป็นแนวทางการดำเนินการอย่างเป็นระบบ เนื่องจากไทยเห็นว่าแผนดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องกลไกการทำงานที่สอดคล้องกับโครงสร้างเดิมที่อาเซียนมีอยู่แล้ว ทำให้ไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

***

กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น ขอให้นำเรื่อง โรงแยกก๊าซเสี่ยง ปตท. เป็นส่วนหนึ่งในขบวนการศาลปกครองไต่สวนนัดสุดท้ายด้วย เพราะเรื่องราวได้เคยยื่นเป็นเอกสารเพิ่มเติม ขณะศาลปกครองกลางมาเผชิญสืบที่ มาบตาพุด เมื่อ 22 ก.พ. 53

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น