วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ดันทุรัง ให้คนมาบตาพุดเสี่ยงตาย โรงแยกก๊าซที่ 6 ปตท.

ปตท.เผยเดินเครื่องโรงแยกก๊าซที่6 พ.ย.นี้

ปตท. ลั่นเดินเครื่องโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 เดือนพ.ย.นี้ ชี้ไทยยังต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจี 1 ล้านตันต่อปี

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 6 จะสามารถเปิดเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะสามารถนำไปใช้ในธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตก๊าซธรรมชาติ ทำให้ลดการนำเข้าของประเทศและสร้างมูลค่าเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม โรงแยกก๊าซฯ ที่ 6 มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานปิโตรเคมีส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าไทยจะยังคงต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีประมาณ 1 ล้านตันต่อปี

ทั้งนี้ปริมาณการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจะลดลงหรือไม่ ขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลว่าจะเข้ามาจัดการโครงสร้างแอลพีจี และราคาแอลพีจีอย่างไรให้เป็นธรรมต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค

"ราคาควบคุมแอลพีจี ในปัจจุบันเป็นราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันอย่างสูง จึงทำให้การใช้แอลพีจี ยังคงอยู่ในปริมาณสูง"

***

ยังไม่มีการตรวจสอบ-ติดตาม จากภาคส่วนใด นอกจาก นายกอภิสิทธิ์ ที่จะเร่งแก้ไขปัญหาปลายเหตุ โดยจัดเครื่องเตือนภัย และทบทวนให้มีแผนอพยพ ที่มีประสิทธิภาพ เท่านั้น นี่หรือครับ การแก้ไขปัญหาของภาครัฐ ทั้งที่รู้ว่า โรงงานมีความเสี่ยงสูง แต่จะดันทุรังดำเนินการ เข้าใจครับว่า พวกท่านๆ ของรัฐบาลไม่มีญาติพี่น้องอยู่ในพื้นที่มาบตาพุด ...

ตามไปอ่าน เรื่อง

"ปาหี่ มาบตาพุด – ม๊อบตีกันตาย ปตท. ต้องรับผิดชอบ"

http://khonmaptaphut.blogspot.com/2010/09/blog-post_23.html

ข่าวจาก ไทยโพสต์ สื่อน้ำดีแต่เน่า - แล้ววันหนึ่ง ความจริงถูกเปิดเผย ตายไปวิญญาณคงถูกตามไล่ล่า

ข่าวจาก ไทยโพสต์ สื่อน้ำดีแต่เน่า

ฝากจำชื่อคนนี้ไว้ ประสาร มฤคพิทักษ์ ที่ไล่ผมออกมาจากห้อง ในบ้านพิษณุโลกที่ผมพยายาม ชี้แจงเรื่อง มาบตาพุดเสี่ยงหายนะภัย ภาคอุตสาหกรรมมักง่าย

http://maptaphut-news.blogspot.com/2010/10/blog-post_07.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น