“ศรีสุวรรณ” ร้อง ก.อุตสาหกรรม เร่งอนุญาตโครงการรุนแรงมาบตาพุด เผยปิโตรฯ เข้าข่าย 19 โครงการ
วันที่ 21 ก.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.อุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่องการละเมิดอำนาจศาล โดยการอนุญาตโครงการที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ก่อนดำเนินการ ข้อความระบุว่า ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2553 ให้ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งหมายถึง รมว.อุตสาหกรรม และพวก ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตโครงการ หรือกิจรรมที่เข้าข่ายเป็นโครงการรุนแรง ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ฉบับลงวันที่ 31 ส.ค.2553 นั้น แม้การประกาศดังกล่าว จะดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการฟ้องร้องเพิกถอนกันต่อไปนั้น แต่เนื่องจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางมีผลผูกพันจนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดออกมา ตามที่ผู้ฟ้องคดีจักยื่นอุทธรณ์ต่อไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดตาม พ.ร.บ.จัดตั้ง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 นั้น
เร่งอนุญาตโครงการรุนแรงมาบตาพุด
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมฯ พบว่า มีความพยายามให้ข่าวที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง เพื่อหวังผลให้มีการเร่งอนุมัติ หรืออนุญาตโครงการต่าง ๆ ที่ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอยู่อย่างเร่งรีบ จนอาจลืมบริบทของการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และทุกข์เข็ญของชาวบ้านมาบตาพุด และบ้านฉาง ที่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขปัญหา หรือเยียวยาอย่างเหมาะสมเพียงพอเลย จากการตรวจสอบข้อมูลโครงการทั้ง 76 โครงการ พื้นที่มาบตาพุด-บ้านฉาง และใกล้เคียงตามฟ้องนั้น พบว่า มีไม่ต่ำกว่า 19 โครงการ ที่เข้าข่ายเป็นโครงการรุนแรงตามประกาศของ ทส. โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น และขั้นกลาง ที่มีวัตถุดิบ และกระบวนการผลิตที่มี หรือก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งในกลุ่มต่าง ๆ ตามประกาศดังกล่าว โดยมีหลักฐานยืนยันปรากฏชัดเจนในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหรือสุขภาพที่ผู้ประกอบการโรงงานต่าง ๆ เหล่านั้น ได้ดำเนินการ หรือจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือสถาบันการศึกษาจัดทำ “ดังนั้น การที่ รมว.อุตสาหกรรม และพวก เร่งรีบการอนุมัติ หรืออนุญาตโครงการ หรือกิจกรรมดังกล่าวไป โดยละเมิดคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง จึงถือได้ว่ามีเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยาย สมาคมฯ และชาวบ้านในฐานะผู้มีส่วนได้เสียไม่อาจนิ่งเฉยต่อการกระทำดังกล่าวได้ต่อไป จึงขอให้ทบทวน หรือยุติการดำเนินการใด ๆ ที่นำไปสู่การละเมิดคำพิพากษาดังกล่าวเสีย หากทุกคนที่เกี่ยวข้องเพิกเฉยต่อจดหมายฉบับนี้ สมาคมฯ และชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องพึ่งอำนาจศาลในการแสวงหาข้อยุติ เพื่อความยุติธรรมต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น