กรมธุรกิจพลังงาน เผค่าบาทแข็งส่งผลมูลค่านำเข้าน้ำมันทุกชนิดลดลง 1 แสนล้านบาท พร้อมปิ๊งไอเดียแจกคูปองส่วนลดซื้อ ก๊าซหุงต้มสำหรับครัวเรือนหลังหมดมาตรการก.พ.54
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในระยะ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 9% จะช่วยทำให้ตลอดปีนี้ประเทศไทยจะมีการนำเข้าเชื้อเพลิงทุกประเภทมีมูลค่า การนำเข้าลดลง10% โดยธพ.ประเมินว่า ตลอดปีนี้ประเทศไทยจะมีการนำเข้าพลังงานคิดเป็นมูลค่ารวม เหลือเพียง 900,000 ล้านบาท หรือลดลง 100,000 ล้านบาทจากปกติในแต่ละปีประเทศไทยจะต้องนำเข้าพลังงานคิดเป็นมูลค่า1 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้แยกเป็นการนำเข้าน้ำมันเพียงประเภทเดียวคิดเป็นมูลค่าปีละ ประมาณ 800,000 ล้านบาท
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวต่อว่า ธพ.กำลังศึกษาและหาข้อสรุปว่าหลังเดือนก.พ.2554 หากรัฐบาลยกเลิกนโยบาตรึงราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้มหรือปล่อยให้มีการลอยตัวราคาภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม แต่ให้ตรึงราคาภาครัวเรือน ภาครัฐควรจะมีมาตรการใดมาช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้ก๊าซหุงต้มโดยล่าสุดได้ตั้ง สมมุติฐานว่าหากให้ตรึงราคาภาคครัวเรือนต่อไป ก็อาจจัดทำเป็นคูปองสำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนผู้ใช้ก๊าซหุงต้มโดยใช้ฐาน ข้อมูลทะเบียนราษฏรเป็นเกณฑ์ในการ คำนวณสัดส่วนการใช้ก๊าซหุงต้มเป็นรายครัว เรือนโดยใช้จำนวนรายชื่อราษฏรในทะเบียนราษฏรเป็นหน่วยวัดค่าเฉลี่ยว่า ครอบครัวใดควรได้รับการจัดสรรคูปองส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้มจำนวนเท่าใดต่อ เดือนเป็นต้น
โรงแยกก๊าซที่ 6 และโรงแยกก๊ําซ อีเทน ไม่ตอกเสาเข็ม
ไม่มีหน่วยงานรัฐ ตรวจสอบ - ติดตาม แต่จะดันทุรังเปิดใช้
แค่ทรุดเพียงเล็กน้อย แนวท่ออาจแตกระเบิด มีคลังก๊าซขนาด 4200 คันรถ
ถ้าระเบิดลุกลามควบคุมไม่ได้ - นึกภาพต่อกันเอง ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!!!
เสาไฟแสงสว่างกลางถนนเหล่านี้ ต่ำกว่าหอต้มหอกลั่น ของโรงแยกก๊าซมาก
ตอกเสาเข็ม 8-10 ม. ลบคำพูดคนหลายคนที่อ้างว่า ดินที่มาบตาพุดตอกเสาเข็มไม่ลง
“หากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่6ของบริษัทปตท. จำกัด(มหาชน)สามารถเปิดเดินเครื่องการผลิตได้ในเร็วๆนี้ก็จะช่วยลดการนำเข้า ก๊าซหุงต้มได้จำนวนหนึ่งรวมทั้งหากโครงการติดตั้งเอ็นจีวีในรถแท็กซี่ของ กระทรวงพลังงานระยะแรก 30,000 คันแล้วเสร็จลง ก็จะทำให้ประเทศไทยลดการใช้ก๊าซหุงต้มในรถแท็กซี่ได้อีกเดือนละ 30,000 ตัน ซึงจะทำให้การนำเข้าก๊าซหุงต้มจากต่างประเทศลดลงจำนวนมาก ส่วนปัญหาการลักลอบขนถ่ายไปจำหน่ายตามาแนวชายแดนผ่านกองทัพมดขณะนี้ได้ลดลง เพราะการตรวจสอบที่เข้มงวดของกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละจุดผ่าน แดน แต่ยอมรับว่ายังมีการขนถ่ายผ่านประชาชนที่ข้ามไปมาระหว่างกันของประเทศ เพื่อนบ้านซึ่งมีปริมาณไม่สูงมากนัก” นายพีระพล กล่าว
อธิบดีกรม ธุรกิจพลังงาน กล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาพบว่า มีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนส.ค. โดยการใช้น้ำมันเบนซินรวมอยู่ที่ 20.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2% ดีเซลอยู่ที่ 47.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 3% การใช้ก๊าซหุงต้ม อยู่ที่ 16,100 ตัน/วัน หรือ 482,000 ตัน/เดือน เพิ่มขึ้น 3% และการใช้ เอ็นจีวี อยู่ที่ 5,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 5% โดยคาดว่า ในเดือนต.ค. จะมีการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรที่มีการใช้เพิ่มสูง ขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปี
“ขณะที่การนำเข้าน้ำมันในภาพรวมใน ไตรมาส ที่3 มีปริมาณรวม 12,419 ล้านลิตร ปรับลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีการนำเข้ารวม 13,165 ล้านลิตร หรือ 5.7% มีมูลค่านำเข้ารวม 188,121 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีมูลค่า 212,487 ล้านบาทหรือ 11.5% ในจำนวนนี้ เป็นการนำเข้า ก๊าซหุงต้ม 363,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 มีปริมาณการนำเข้า 432,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10,500 ล้านบาท ลดลง 16% และ 27% ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป มีปริมาณ 3,700 ล้านลิตร มูลค่า 59,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 อยู่ 24% และ15% ตามลำดับ”นายพีระพล กล่าว
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/eco/127197