ไฟยังโหมกระพือแท่นขุดเจาะน้ำมันปตท.สผ. ในออสเตรเลียไม่หยุด คาดอาจพังถล่มในไม่ช้า
เอเอฟพีเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นบนแท่นขุดเจาะน้ำมันเวส แอตลาส ที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งของออสเตรเลียไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ยังคงโหมกระพืออย่างหนักและไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามอุดรอยรั่วน้ำมันด้วยดินโคลน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โฮเซ มาร์ติน ผู้อำนวยการบริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย บริษัทในเครือของปตท.สผ. บริษัทพลังงานรายใหญ่ของประเทศไทย แถลงในวันเดียวกันว่า ทางบริษัทยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บนแท่นขุดเจาะนี้ ซึ่งเวลานี้บริษัทกำลังมีแผนสูบโคลนขึ้นมาอุดรอยรั่วของบ่อน้ำมันในวันนี้ เพื่อหยุดการรั่วไหลของก๊าซและน้ำมันจากใต้ทะเลไม่ให้ขึ้นมาปะทะกับอากาศเหนือผิวน้ำจนเกิดเพลิงลุกไหม้อีก
ทั้งนี้ แผนการอุดรอยรั่วของบ่อน้ำมันดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วถึง 4 ครั้ง นับตั้งแต่ได้เกิดรอยรั่วมาตั้งแต่เดือนส.ค. ทำให้มีน้ำมันไหลทะลักลงสู่เขตทะเลติมอร์ไปแล้วนับพันบาร์เรล
ด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของออสเตรเลีย เตือนว่าหากแผนการอุดรอยรั่วน้ำมันยังไม่ประสบความสำเร็จ อาจส่งผลกระทบและทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึงปลาวาฬและโลมา ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น
ที่มา -
ออสซี่เล็งสอบใหญ่แท่นปตท.รั่ว ไฟลามหนักยังหาทางดับไม่ได้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายมาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติออสเตรเลีย แถลงยอมรับว่าความพยายามที่ผ่านมาเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้น้ำมันดิบ ที่รั่วไหลออกมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน "เวสต์ แอทลาส" นอกชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ปตท.สผ.ออสเตรเลีย ในสังกัดบริษัท ปตท.ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้กรณีการรั่วไหลดังกล่าวถูกโจมตีมากขึ้นจากบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากปล่อยให้เกิดการรั่วไหลต่อเนื่องนานถึง 10 สัปดาห์ น้ำมันดิบจำนวน 400 บาร์เรลต่อวันไหลลงสู่ทะเลติมอร์ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านนิเวศวิทยาในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะเกิดลุกเป็นไฟขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเฟอร์กูสันกล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ทาง ปตท.สผ.ออสเตรเลีย เตรียมทดลองดับไฟอีกครั้งด้วยการใส่โคลนหนักๆ ลงไปในหลุมขุดเจาะ เพื่อลดการรั่วไหลของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เท่ากับเป็นการดับไฟไปในตัว หลังจากที่ความพยายามที่ผ่านมาส่งผลเพียงแค่ทำให้เปลวเพลิงที่ลุกไหม้บรรเทาลงเท่านั้นไม่ได้ดับลงแต่อย่างใด พร้อมกันนั้น ก็ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นอุบัติเหตุระหว่างการขุดเจาะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปีของออสเตรเลีย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของประเทศอย่างแน่นอน และเท่าที่พูดได้ในเวลานี้ก็คือ เมื่อใดที่หลุมขุดเจาะที่เกิดเหตุสามารถดับไฟได้แล้ว แท่นขุดเจาะอยู่ในสภาพปลอดภัยแล้ว ตนจะสั่งการให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่และเป็นอิสระเพื่อประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีการดำเนินการเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไรในช่วง 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนนต์ ศิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้เปิดแถลงข่าวกรณีที่องค์การแหล่งน้ำมันมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ที่ ปตท.สผ.ซื้อกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ทำให้แท่นขุดเจาะเกิดความเสียหายว่า ขณะนี้ทางปตท.สผ.ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ บริษัท อเลิร์ท เวลล์ คอนโทรล เคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขอุบัติเหตุเพลิงไหม้บ่อน้ำมันที่คูเวตและอิรัก เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา รวมทั้งประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด คาดว่า ภายใน 1- 2 วันนี้จะสามารถดับไฟ รวมทั้งสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ นายอนนต์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ทาง ปตท.สผ.ประมาณการการค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5,174 ล้านบาท ได้มีการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 แล้ว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรสุทธิเพียง 2,198 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ปตท.สผ.ได้ทำประกันภัยคุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากความเสียหายดังกล่าว 270 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,200 ล้านบาท (34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทประกันภัย และสามารถนำไปบันทึกเป็นรายได้ในงวดถัดไป (เอเอฟพี/เอพี/มติชน) ที่มา -
ปตท.สผ.เร่งดับเพลิงไหม้หลุมขุดเจาะที่ออสเตรเลีย กรุงเทพฯ 2 พ.ย. -ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. ได้ชี้แจงถึงกรณีเหตุ เพลิงไหม้หลุมขุดเจาะของบริษัทในเครือ ที่ประเทศออสเตรเลีย คือบริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย จำกัด (พีทีทีอีพี เอเอ) ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ว่า ล่าสุดค่ำวันนี้ยังหาทางแก้ปัญหาเพลิงลุกไหม้ให้เร็วที่สุด คาดว่าจะสามารถดับเพลิงได้ภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ โดยโครงการดังกล่าว ปตท.สผ. เข้าชื้อกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในต้นปี 2552 มีแหล่งน้ำมัน แหล่งคือ Jabiru + Challis, Montara และ Cash Maple ซึ่งตอนนั้น แหล่งมอนทาราพัฒนามาได้ครึ่งทางแล้ว ปตท.สผ. มารับช่วงต่อ โดยตั้งเป้าการผลิตไว้ปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 เข้าไปติดตั้งพัฒนาหลุมผลิตน้ำมัน พบมีน้ำมัน/ก๊าซรั่วออกมา จึงอพยพพนักงาน-คนงานออกมาได้อย่างปลอดภัย จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทประมาณการค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,174 ล้านบาท ซึ่งได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 แล้ว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษี ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรสุทธิของบริษัทเพียง 2,198 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีประกันภัยคุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้รับประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทได้ประสานกับรัฐบาลออสเตรเลียมาโดยตลอดเรื่องการกำจัดคราบน้ำมันและดูแลเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวางแผนการสกัดการรั่วไหลของน้ำมันและก๊าซฯ ซึ่งด้วยกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของออสเตรเลีย และ ปตท.สผ. เลือกที่จะหยุดการรั่วไหลด้วยการเจาะหลุมใหม่เข้าไปสกัดการรั่วไหลที่ก้นหลุม ใช้ความพยายามอยู่ 5 ครั้ง มาประสบความสำเร็จในครั้งที่ 5 เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ การทำงานทั้งหมดนี้อาศัยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะด้านคือ บริษัท Alert Well Control และประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด ขณะที่เข้าไปควบคุมการรั่วไหลที่ก้นหลุม เกิดเพลิงไหม้ที่ปากหลุมโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาต้องตัดต้นตอของเชื้อเพลิง ซึ่งทางบริษัทได้เข้าถึงชั้นน้ำมันและก๊าซที่รั่วไหลอยู่แล้ว ขณะนี้ได้เตรียมการสกัดกั้นการรั่วไหลด้วยการอัดโคลนกลับเข้าไปอีก คาดว่าจะทราบผลในวันนี้หรือพรุ่งนี้ โดยผลกระทบที่จะได้รับนั้น ทันทีที่สามารถดับไฟได้ บริษัทจะส่งทีมขึ้นไปตรวจสอบความเสียหาย ขณะนี้ได้จัดทำแผนคู่ขนานกันไปว่าจะสามารถกลับมาเริ่มผลิตน้ำมันได้เร็วที่สุดเมื่อไร. ที่มา - ข่าวที่เกี่ยวข้อง - ไฟไหม้แท่นขุดน้ำมัน ปตท. กลางทะเล คนงานหนีตายระทึก - ปตท.สผ. เร่งขจัดคราบน้ำมันในทะเลติมอร์ - ออสเตรเลียเร่งจัดการคราบน้ำมันรั่วไหล
ออสซี่เล็งสอบใหญ่แท่นปตท.รั่ว ไฟลามหนักยังหาทางดับไม่ได้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายมาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติออสเตรเลีย แถลงยอมรับว่าความพยายามที่ผ่านมาเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้น้ำมันดิบ ที่รั่วไหลออกมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน "เวสต์ แอทลาส" นอกชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ปตท.สผ.ออสเตรเลีย ในสังกัดบริษัท ปตท.ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้กรณีการรั่วไหลดังกล่าวถูกโจมตีมากขึ้นจากบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากปล่อยให้เกิดการรั่วไหลต่อเนื่องนานถึง 10 สัปดาห์ น้ำมันดิบจำนวน 400 บาร์เรลต่อวันไหลลงสู่ทะเลติมอร์ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านนิเวศวิทยาในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะเกิดลุกเป็นไฟขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเฟอร์กูสันกล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ทาง ปตท.สผ.ออสเตรเลีย เตรียมทดลองดับไฟอีกครั้งด้วยการใส่โคลนหนักๆ ลงไปในหลุมขุดเจาะ เพื่อลดการรั่วไหลของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เท่ากับเป็นการดับไฟไปในตัว หลังจากที่ความพยายามที่ผ่านมาส่งผลเพียงแค่ทำให้เปลวเพลิงที่ลุกไหม้บรรเทาลงเท่านั้นไม่ได้ดับลงแต่อย่างใด พร้อมกันนั้น ก็ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นอุบัติเหตุระหว่างการขุดเจาะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปีของออสเตรเลีย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของประเทศอย่างแน่นอน และเท่าที่พูดได้ในเวลานี้ก็คือ เมื่อใดที่หลุมขุดเจาะที่เกิดเหตุสามารถดับไฟได้แล้ว แท่นขุดเจาะอยู่ในสภาพปลอดภัยแล้ว ตนจะสั่งการให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่และเป็นอิสระเพื่อประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีการดำเนินการเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไรในช่วง 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนนต์ ศิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้เปิดแถลงข่าวกรณีที่องค์การแหล่งน้ำมันมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ที่ ปตท.สผ.ซื้อกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ทำให้แท่นขุดเจาะเกิดความเสียหายว่า ขณะนี้ทางปตท.สผ.ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ บริษัท อเลิร์ท เวลล์ คอนโทรล เคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขอุบัติเหตุเพลิงไหม้บ่อน้ำมันที่คูเวตและอิรัก เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา รวมทั้งประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด คาดว่า ภายใน 1- 2 วันนี้จะสามารถดับไฟ รวมทั้งสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ นายอนนต์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ทาง ปตท.สผ.ประมาณการการค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5,174 ล้านบาท ได้มีการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 แล้ว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรสุทธิเพียง 2,198 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ปตท.สผ.ได้ทำประกันภัยคุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากความเสียหายดังกล่าว 270 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,200 ล้านบาท (34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทประกันภัย และสามารถนำไปบันทึกเป็นรายได้ในงวดถัดไป (เอเอฟพี/เอพี/มติชน) ที่มา -
ปตท.สผ.เร่งดับเพลิงไหม้หลุมขุดเจาะที่ออสเตรเลีย กรุงเทพฯ 2 พ.ย. -ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. ได้ชี้แจงถึงกรณีเหตุ เพลิงไหม้หลุมขุดเจาะของบริษัทในเครือ ที่ประเทศออสเตรเลีย คือบริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย จำกัด (พีทีทีอีพี เอเอ) ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ว่า ล่าสุดค่ำวันนี้ยังหาทางแก้ปัญหาเพลิงลุกไหม้ให้เร็วที่สุด คาดว่าจะสามารถดับเพลิงได้ภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ โดยโครงการดังกล่าว ปตท.สผ. เข้าชื้อกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในต้นปี 2552 มีแหล่งน้ำมัน แหล่งคือ Jabiru + Challis, Montara และ Cash Maple ซึ่งตอนนั้น แหล่งมอนทาราพัฒนามาได้ครึ่งทางแล้ว ปตท.สผ. มารับช่วงต่อ โดยตั้งเป้าการผลิตไว้ปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 เข้าไปติดตั้งพัฒนาหลุมผลิตน้ำมัน พบมีน้ำมัน/ก๊าซรั่วออกมา จึงอพยพพนักงาน-คนงานออกมาได้อย่างปลอดภัย จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทประมาณการค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,174 ล้านบาท ซึ่งได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 แล้ว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษี ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรสุทธิของบริษัทเพียง 2,198 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีประกันภัยคุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้รับประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทได้ประสานกับรัฐบาลออสเตรเลียมาโดยตลอดเรื่องการกำจัดคราบน้ำมันและดูแลเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวางแผนการสกัดการรั่วไหลของน้ำมันและก๊าซฯ ซึ่งด้วยกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของออสเตรเลีย และ ปตท.สผ. เลือกที่จะหยุดการรั่วไหลด้วยการเจาะหลุมใหม่เข้าไปสกัดการรั่วไหลที่ก้นหลุม ใช้ความพยายามอยู่ 5 ครั้ง มาประสบความสำเร็จในครั้งที่ 5 เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ การทำงานทั้งหมดนี้อาศัยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะด้านคือ บริษัท Alert Well Control และประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด ขณะที่เข้าไปควบคุมการรั่วไหลที่ก้นหลุม เกิดเพลิงไหม้ที่ปากหลุมโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาต้องตัดต้นตอของเชื้อเพลิง ซึ่งทางบริษัทได้เข้าถึงชั้นน้ำมันและก๊าซที่รั่วไหลอยู่แล้ว ขณะนี้ได้เตรียมการสกัดกั้นการรั่วไหลด้วยการอัดโคลนกลับเข้าไปอีก คาดว่าจะทราบผลในวันนี้หรือพรุ่งนี้ โดยผลกระทบที่จะได้รับนั้น ทันทีที่สามารถดับไฟได้ บริษัทจะส่งทีมขึ้นไปตรวจสอบความเสียหาย ขณะนี้ได้จัดทำแผนคู่ขนานกันไปว่าจะสามารถกลับมาเริ่มผลิตน้ำมันได้เร็วที่สุดเมื่อไร. ที่มา - ข่าวที่เกี่ยวข้อง - ไฟไหม้แท่นขุดน้ำมัน ปตท. กลางทะเล คนงานหนีตายระทึก - ปตท.สผ. เร่งขจัดคราบน้ำมันในทะเลติมอร์ - ออสเตรเลียเร่งจัดการคราบน้ำมันรั่วไหล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น