วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แบบก่อสร้าง โรงแยกก๊าซใหม่ ปตท.เสี่ยง ที่อ้างว่า มีฝรั่งเป็นวิศวกรที่ปรึกษา


เกิดเหตุภัยแล้ว ประชาชนชาวบ้านตื่นกลัว แม้ไม่เจ็บตาย
คนอยู่รอบโรงงานเสี่ยงภัย ไม่ใช่ผู้มีผลกระทบหรือ ที่ทำไมคน กทม. อยากให้รื้อโรงกลั่นบางจาก
อ้างมีต่างชาติมาสร้างทำ จ้างฝรั่งเป็นวิศวกรที่ปรึกษา จึงมีมาตรฐานสูง ระดับโลก ทั้งที่แบบก่อสร้าง ทั้งหมด ไม่มีข้อมูลกำหนด ว่าดินต้องบดอัดให้แข็งแรงแค่ไหนอย่างไร แล้วจะสร้างทำได้แบบไหน ให้ดินรับแรงได้ตรงกับการออกแบบ ศาลปกครอง อ้างว่า ไม่ผิด แล้วถูกแบบไหน โรงงานวัตถุอันตรายสร้างทำกันแบบนี้



แบบก่อสร้าง - โรงแยกก๊าซใหม่ ของ ปตท.
ซึ่งแบบของโรงแยกก๊าซที่ 6 และโรงแยกก๊าซ อีเทน
ลักษณะคล้ายคลึงกัน ผู้รับเหมาหลัก เดียวกัน
เวลาการก่อสร้างช่วงเดียวกัน งานฐานรากต่างๆ มิ.ย.51-พ.ย.51 ระยะเวลา 5.5 เดือน
ฐานรากทั้งหมด เป็นฐานรากตื้นไม่มีเสาเข็ม
ในส่วนโครงสร้างรับระบบท่อเป็นฐานรากหล่อสำเร็จ
แต่โรงแยกก๊าซอีเทน ขออนุมัติโครงการก่อน จึงไม่ได้ถูกระงับ
(แบบที่ใช้ในการก่อสร้าง ทั้งหมดจะไม่มีการลงนามอนุมัติ ต่างกับแบบก่อสร้างในระบบราชการ)
คลิ๊กขวาที่รูปเปิดในหน้าให
ม่ เพื่อขยายใหญ่
สังเกตุด้านขวาของแบบซึ่งระบุชนิดและความแข็งแรงของคอนกรีตและเหล็กเสริม
แต่ไม่มีการระบุความแข็งแรงหรือความหนาแน่นของดิน
เพราะชนิดและความแข็งแรงของวัสดุเป็นการกำนดจากการออกแบบฐานราก
(วัสดุเกี่ยวข้องกับงานฐานราก - ความแข็งแรงของดินหรือเสาเข็ม, คอนกรีต และเหล็กเสริม)


แบบฐานราก-ถังเก็บสารเคมีเหลว

แบบฐานราก-ถังเก็บก๊าซทรงกลม ขนาด 6,000 ม3

แบบฐานราก-หอต้ม/หอความดัน ความสูง 30-40 ม. (ลดหลั่น)

แบบฐานราก-โครงสร้างรับระบบท่อ ความสูง 21-24 ม.

แบบโครงสร้างรับท่อ

แบบโครงสร้างรับท่อ




แค่ทรุด ... ทำไมเสี่ยง! ไฟไหม้ระเบิดควบคุมไม่ได้

พื้นที่ปรับถมใหม่ ก่อสร้างโดยไม่ตอกเสาเข็ม - ลำพังสร้างบ้านจัดสรรขาย ผู้คนที่รู้คงจะไม่ซื้อ แม้ว่าจะอ้างว่ามีการทดสอบดินอย่างดี บดอัดอย่างดี

ภาพการปรับพื้นที่ ปรับ-ถมใหม่ ของโครงการโรงแยกก๊าซใหม่ ปตท. (โรงแยกก๊าซที่ 6 และโรงแยกก๊าซอีเทน) ซึ่งอ้างว่าดินแข็งมากจนไม่จำเป็นต้องตอกเสาเข็มทั้งหมด และนำค่าความสามารถรับน้ำหนักประลัยของดินสูงถึง 90 ตันต่อตารางเมตร มาใช้ในการออกแบบฐานรากตื้น (ค่ารับน้ำหนัก 90 ตัน/ม2 คือถ้าสร้างสร้างถังเก็บน้ำจะสร้างได้สูงเกือบ 90 เมตร หรือเทียบเท่า ตึก 25 ชั้น โดยไม่ต้องตอกเสาเข็ม ดินจะทรุดตัวลง 1 นิ้ว คือสมมุติฐานในการออกแบบ)

ภาพการปรับพื้นที่ ปรับ-ถมใหม่ ของโครงการโรงผลิตสารฟีนอล
ค่ากำหนดมาตรฐานในการออกแบบก่อสร้างฐานรากคอนกรีตและพื้นคอนกรีต โดยกำหนดค่าทรุดตัวที่ยอมรับได้น้อยมาก เพียง 10-15 มม. หรือ 1-1.5 ซม. หรือหนาเท่าฝายาหม่องตาลิงถือลูกท้อ สำหรับการทรุดตัวทั้งหมด และค่าทรุดตัวต่างกัน ถ้านึกไม่ออกว่า การทรุดตัวต่างกันเป็นแบบไหน ให้นึกถึงถังซักผ้า ตอนที่ฐานถังวางเอียง ถังจะสั่นแรงมากมีเสียงดังมาก จนบางครั้งเครื่องอาจหยุดทำงาน เพราะมอเตอร์ ร้อนจัด


การทรุดตัวไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดแรงบิดมหาศาล กรณีที่มีระยะห่างน้อยและมีการทรุดตัวมาก ท่ออาจบิดตัวจนฉีก หรือข้อต่อต่างๆ หลุดหลวม เยื้องศูนย์ ซึ่งการซ่อมทำได้ยากยิ่ง กรณีที่รั่วบริเวณข้อต่อหรือวาล์ว ในกรณีที่น้ำรั่วไหล ยังต้องใช้เวลานานในการซ่อม แต่ถ้าลองนึกถึงก๊าซไวไฟรั่ว หรือท่อส่งก๊าซอันตรายรั่วแบบควบคุมยาก จึงเป็นที่มาว่า มันจะเกิดเหตุไฟไหม้ และระเบิดอย่างไร

แค่ทรุด ... ทำไมเสี่ยง! ไฟไหม้ระเบิดควบคุมไม่ได้ ดูภาพแล้วลองจินตนาถึงเหตุต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ผนังร้าวปูนแตก ก๊าซแอลพีจีที่รั่วออกมา มีอัตราขยายตัว 250 เท่า และหนักกว่าอากาศ จะไหลลงสู่ที่ต่ำ สามารถเกิดระเบิดที่จุดที่เกิดการรั่วไหล เพราะจะควบแน่น ปิดบริเวณรูรั่วก่อนที่จะเกิดการระเบิดและติดไฟ ซึ่งเมื่อเป็นกลุ่มไฟ จะขยายตัวจากกีาซอีก 250 เท่า

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ระเบิดแบบ LPG BLEVE โอกาสเกิดน้อยมาก จริงหรือ


โอกาสในการระเบิด 6 ใน 1,000,000,000 ซึ่งยากมาก แต่การสร้างทำโดยไม่มั่นคงแข็ง แรง ฝนตกหนัก พายุลมแรง จะล้มพังสร้างภัยหรือไม่ โอกาสการเกิดจากสถิติ ใน หนังสือนั้น เชื่อถือได้แค่ไหน ก้อในเมื่อเมืองไทย 2 เดือน 2 ครั้ง -
5-5-55 โรงงาน บีเอสที มาบตาพุดระเบิด
4-7-55 โรงกลั่นบางจากระเบิด
... และจะเมื่อไหร่ที่ไหนอีก
เปิดหนังสือ ฝรั่ง แล้วเอามาอ้างกันไปเรื่อย
- โอกาสเกิดการรั่วไหลของโปรเพน / LPG เท่ากับ 6 ในล้าน ครั้ง/ปี 
- โอกาสเกิดการรั่วไหลของกาซโซลีนธรรมชาติ เท่ากับ 2 ในแสน ครั้ง/ปี






ระดับความรอน  - ผลกระทบตออุปกรณ  ผลกระทบตอคน
ในรัศมี 2 กิโลเมตร ครอบตลุม ชุมชน และโรงงานอื่นจำนวนมาก
 ยังไม่วรมถึงอันตรายจากแรงอัดของระเบิด กรณี LPG BLEVE 1 ถัง
ระดับความรอน  37.5 (
kW/m 2 )  รัศมี 0.6 กม.
  ทําใหเกิดความเสียหายตออุปกรณที่ใชในกระบวนการผลิต
  100% ตาย ภายใน 1 นาที
  1% ตาย ภายใน 1 วินาที
ระดับความรอน  25  (kW/m 2 )  รัศมี 1 .0 กม.
  พลังงานต่ำสุดที่ทําใหไมติดไฟโดยงาย ไมมีเปลวไฟ
  100% ตาย ภายใน 1 นาที และมีการบาดเจ็บสาหัส ภายใน 10 วินาที
ระดับความรอน 12.5 (kW/m 2 )  รัศมี 2.0 กม.
  พลังงานต่ำสุดทําใหไมติดไฟดวยเปลวไฟ ทอพลาสติกละลาย  
   1% ตาย ภายใน 1 นาที ผิวไหม ภายใน 10 วินาที
(จากรายงานผลกระทบของโรงแยกก๊าซ ฉบับสมบูรณ์)










การประเมินอันตรายร้ายแรง - โรงแยกก๊าซ ปตท. - ของเดิม


การประเมินอันตรายร้ายแรง


เมื่อไม่ตอกเสาเข็มทั้งหมด และมีข้อกำหนดความทรุดตัวต่างกันน้อยมาก 0.5-1.5 ซม.เท่านั้น
ที่จะไม่กระทบกับท่อและข้อต่อต่างๆ อุปกรณ์ ต่างๆ ที่จะทำให้เกิด ก๊าซแตก-รั่ว ได้ 
โอกาสเกิดการรั่วไหลรุนแรงจึงมีโอกาสสูงมาก เพราะไม่ตอกเสาเข็มทั้งโรงแยกก๊าซที่ 6 และโรงแยกก๊าซอีเทน ดังนั้นที่ทำการศึกษาไว้ในโครงการต่างๆ นั้นมากการศึกษา HAZOP ที่ไม่ได้อ้างอิงการทรุดของฐานรากต่างๆ เอาไว้ด้วย และการปกปิดข้อมูล ค่ารับน้ำหนักของดินที่ใช้สูงมากในการออกแบบ จึงไม่สามารถสร้างทำให้ตรงกับการออกแบบ การรับน้ำหนักของโครงสร้างพิเศษสำคัญต่างๆ ด้วย


อันตรายและความรุนแรง จาก ตารางรัศมีการได้รับผลกระทบ กับแผนที่ จะพบว่า ในรายงาน ปิดความจริงในส่วนของผลกระทบที่ครอบคลุม ทั้งตลาด และนิคมมาบตาพุด






5.1         บทนำ
             แม้ว่าการดำเนินงานก่อสร้างเพื่อจะเปิดดำเนินการของการของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะสร้างอยู่บนพื้นที่เดิมซึ่งติดกับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่  1, 2 และ 3  ที่เปิดดำเนินการไปแล้วและได้มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม   ซึ่งรวมถึงการประเมินอันตรายร้ายแรงไปแล้วก็ตาม  แต่การดำเนินงานของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาการวิเคราะห์อันตรายร้ายแรง เพื่อหาแนวทางการป้องกันล่วงหน้า รวมทั้งเป็นการทบทวนการดำเนินงานที่ผ่านมา อุบัติเหตุที่เกิด แผนฉุกเฉินของโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยองที่มีอยู่ว่ามีความพร้อมเหมาะสมหรือไม่ ในส่วนนี้จึงเป็นการวิเคราะห์อันตรายร้ายแรง โดยเน้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 และทบทวนผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของโรงแยกธรรมชาติทั้ง 3 หน่วย

5.2         วิธีการศึกษา
             ในการศึกษาครั้งนี้ได้ยึดแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กรณีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และบริหารจัดการสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมด้านปิโตรเคมีและสารเคมี  (OEPP, 1993) และแนวทางของ J.R. Taylor (1994) และ API Publication 581 (May 2000) Risk – Based Inspection Base Resource Document สำหรับขั้นตอนการวิเคราะห์ความเสี่ยง แสดงไว้ในรูปที่ 5.2-1 โดยมีลำดับขั้นตอน ดังนี้
·            กำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตการศึกษา
·            จำแนกอันตราย
·            คำนวณหาโอกาสของการเกิด ตามสมมติฐาน
·            คำนวณความรุนแรง  ตามสมมติฐาน
·            ประเมินความเสี่ยงในภาพรวม
·            ประเมินความยอมรับ
·            ทบทวน ปรับปรุงแผนการทำงาน
·            ประเมินและติดตามผล



การจำแนกอันตราย/ความเสี่ยง
 



จากรายละเอียดโครงการ
·    ขบวนการผลิต
·    HAZOP
·    บริเวณถังบรรจุผลิตภัณฑ์/สารเคมี





สมมติฐานกรณีเกิดเหตุการณ์







หาโอกาสการเกิด
(Probability Analysis)
 



การคำนวณจาก
·    เอกสารอ้างอิง
·    ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สถิติการเกิดอุบัติเหตุ






การคำนวณระดับความรุนแรง
(Consequence Analysis)

การคำนวณตามแนวทางของธนาคารโลก
(World Bank)




การพิจารณามาตรการ /
แผนฉุกเฉินขององค์กร








การหาแนวทาง / มาตรการลดระดับความรุนแรงป้องกันอัคคีภัย

พิจารณาแผน / มาตรการขององค์กรความพร้อม
และรายงานผลจากที่ผ่านมา
รูปที่ 5.2-1  :  ขั้นตอนการศึกษาด้านการประเมินอันตรายร้ายแรง

5.3         การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
             ข้อมูลพื้นฐานในที่นี้  หมายถึง  ขบวนการการทำงานของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ  รวมถึงการใช้สารเคมีต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นมาได้
             จากการศึกษาขบวนการของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ซึ่งมีขบวนการผลิตที่คล้ายคลึงกับ
โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 3 โดยมีหน่วยการผลิตหลัก ดังนี้
·            อุปกรณ์รับก๊าซเข้าขบวนการผลิต
·            หน่วยกำจัดปรอท (Mercury Removal Unit)
·            หน่วยกำจัด Acid Gas (Acid Gas Removal Unit)
·            หน่วยกำจัดความชื้นของก๊าซ (Dehydration Unit)
·            หน่วย Ethane Recovery (Ethane Recovery Unit)
·            หน่วยเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติ (Sales Gas Compression Unit)
·            Fractionation Unit
·            Ethane Treatment Unit
·            LPG Treatment Unit
             โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 จะมีผลิตภัณฑ์เกิดขึ้น คือ โปรเพน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) โดยอัตราการผลิตเท่ากับ 1,708 5,758 และ 1,977 ตัน/วัน ตามลำดับ ซึ่งสารเคมีอันตรายที่มีในโครงการที่สำคัญซึ่งเป็นสารเคมีที่ไวไฟหากเกิดการรั่วไหลออกสู่บรรยากาศแล้ว เมื่อติดไฟอาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้ คือ โปรเพน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) โดย
คุณสมบัติสารอันตรายเป็นดังตารางที่ 5.3-1
             (1)   โปรเพน (Propane)
                   โปรเพน ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยไม่ใช่เป็นสารก่อมะเร็ง เป็นก๊าซไม่มีสี มีกลิ่นน้ำมันจาง ๆ การละลายในน้ำจะละลายได้น้อยมาก โดยปกติการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจะเสถียร และควรหลีกเลี่ยงจากสารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีน โปรมีน ค่ามาตรฐานความปลอดภัย TLV เท่ากับ 1000 ppm รายละเอียดดังตารางที่ 5.3-1
             (2)   ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
                   ก๊าซปิโตรเลียมเหลวใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมและเป็นวัตถุดิบใน
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งสารนี้ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง เป็นของเหลว (ภายใต้ความดัน) ไม่มีสี แต่จะมีกลิ่นจากการเติมสารประกอบซัลเฟอร์ การละลายในน้ำจะละลายได้เล็กน้อย ปกติในการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจะเปลี่ยนแปลงได้ช้า และควรหลีกเลี่ยงจากสารออกซิไดซ์เป็นคลอรีน โปรมีน ฟลูออรีน เนื่องจากทำปฏิกิริยารุนแรงต่อกัน และค่ามาตรฐานความปลอดภัย TLV เท่ากับ 1000 ppm รายละเอียดดังตารางที่ 5.3-1
             (3)   ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (Natural Gasoline : NGL)
                   ก๊าซประเภทนี้ใช้เป็นเชื้อเพลิง ใช้ผสม (Blending) กับน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ตัวทำละลาย (Solvent) และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยก๊าซประเภทนี้ประกอบด้วย เพนเทน เฮกเซน
เฮปเทน และออกเทน ซึ่งเป็นของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นน้ำมันจาง ๆ ปกติในการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจะเปลี่ยนแปลงได้ช้า และมีสารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีน โปรมีน ฟลูออรีน ที่ต้องหลีกเลี่ยงจากกัน เนื่องจากทำปฏิกิริยา
รุนแรงต่อกันและค่ามาตรฐานความปลอดภัย TLV เท่ากับ 600 ppm รายละเอียดดังตารางที่ 5.3-1
                   จากการทบทวนผลการวิเคราะห์การเกิดอันตรายร้ายแรงสำหรับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 3 (TESCO, May 1994) และการทำ HAZOP ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 3 (December, 1995) ซึ่งจากการพิจารณารายละเอียดโครงการขบวนการผลิต พบว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดอุบัติภัยจากขบวนการผลิตหรือแทบจะไม่เกิดขึ้น แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นบริเวณถังบรรจุผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้เนื่องจากโครงการมี
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารไวไฟและบรรจุไว้ภายใต้ความดัน ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG : Liquid Petroleum Gas) มีจำนวน 3 ถัง และโปรเพน จำนวน 1 ถัง ภายใต้ความดันที่ออกแบบเท่ากับ 17.5 บาร์ และความดันที่ใช้การดำเนินการเท่ากับ 8 บาร์ โดยมีค่าอุณหภูมิจากการออกแบบเท่ากับ 40oซ และอุณหภูมิใช้ดำเนินการเท่ากับ
35oซ สำหรับก๊าซโซลีนธรรมชาติจะเก็บกักที่ความดันบรรยากาศและอุณหภูมิจากการออกแบบเท่ากับ 35oซ สรุปดังตารางที่ 5.3-2


ตารางที่ 5.3-1
คุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ของโปรเพน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และก๊าซโซลีนธรรมชาติ





ลักษณะ/คุณสมบัติ

โปรเพน (Propane)
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL)








1. ชื่อทางการค้า
โปรเพน
ก๊าซหุงต้ม (LPG)
ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL)








2. ชื่อเคมี
โปรเพน
โปรเพน+บิวเทน
เพนเทน+เฮกเซน+เฮปเทน+
ออกเทน








3. ความเข้มข้น
98.5-99.6%
55.0-64.2% สำหรับโปรเพน
52.6-62.9% สำหรับเพนเทน


32.5-45.0% สำหรับบิวเทน
22.1-26.4% สำหรับเฮกเทน



12.2-14.1% สำหรับเฮปเทน



1.2-1.9% สำหรับออกเทน








4. ด้านกายภาพและเคมี



·    จุดเดือด (oC)
-42
-17
36
·    จุดหลอมเหลว (oC)
-187 ถึง –189
-187
-129.73
·    ความดันไอ
0.772 psi (@-92.4oC)
127.88 psig (@37.8oC)
13.5 psia (37.8)
·    การละลายได้ในน้ำ
ละลายได้น้อยมาก
ละลายเล็กน้อย
ไม่ละลาย
·    ความถ่วงจำเพาะ (15oC, น้ำ = 1)
0.506-0.507
0.522-0.534
0.662-0.676
·    อัตราการระเหย (% volatile)
100%
100%
ระเหยอย่างรวดเร็ว
·    ความหนาแน่นไอ (15oC, อากาศ = 1)
1.523
1.73
>1
·    ค่าความเป็นกรด-ด่าง
Not Available
Not Available
Not Applicable
·    ลักษณะสีและกลิ่น
ก๊าซไม่มีสี, มีกลิ่นน้ำมันจางๆ
ของเหลว (ภายใต้ความดัน) ไม่มีสี แต่มีกลิ่นจากการเติมสารประกอบซัลเฟอร์
ของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นน้ำมันจางๆ








5. ด้านอัคคีภัยและการระเบิด



·    จุดวาบไฟ (oC)
-104
-60 ถึง –105
-43
·    ขีดจำกัดการติดไฟ



-                   ค่าต่ำสุด (LEL) (%)
2.1
2.0
1.4
-                   ค่าสูงสุด (UEL) (%)
9.5
9.0
7.6
·    อุณหภูมิสามารถติดไฟได้เอง (oC)
462
400-500
257
·    การเกิดปฏิกิริยาทางเคมี
ปกติจะเสถียร
ปกติเปลี่ยนแปลงได้ช้า
ปกติเปลี่ยนแปลงได้ช้า
·    สารต้องหลีกเลี่ยงจากกัน
สารออกซิไดซ์ (Cl2, Per2)
สารออกซิไดซ์ (Cl2, Br2, Fl2)
สารออกซิไดซ์ (Cl2, Br2, Fl2)
·    สารอันตรายเกิดจากการสลายตัว
CO, CO2
CO2, CO
CO2, CO








6. ค่ามาตรฐานความปลอดภัย TLV
1,000 ppm
1,000 ppm
600 ppm







ตารางที่ 5.3-2
สภาวะในการกักเก็บโปรเพน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และก๊าซโซลีนธรรมชาติ









สภาวะการเก็บกัก
จำนวน
ปริมาณการเก็บกัก
ชนิดสาร
ค่าจากการออกแบบ
ค่าจากการดำเนินการ

แต่ละถัง

อุณหภูมิ (oC)
ความดัน (บาร์)
อุณหภูมิ (oC)
ความดัน (บาร์)
(ถัง)
(ลบ..)














1. โปรเพน
40
17.5
35
8.0
1
4,000
2. ก๊าซปิโตรเลียมเหลว
40
17.5
35
8.0
3
6,000
3. ก๊าซโซลีนธรรมชาติ
35
บรรยากาศ
-
-
1
4,000







ที่มา  :  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), 2545

5.4         โอกาสของการเกิดอุบัติเหตุ
             จากการศึกษาโดย Risk Based Inspection ใน Base Resource Documents ของ API Publication 581 ได้รวบรวมข้อมูลความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุของอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังตารางที่ 5.4-1 จะเห็นว่า Pressure Vessel กรณีรูรั่ว ¼ นิ้ว จะมีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากับ 4´10-5 ครั้ง/ปี กรณีรูรั่ว 1 นิ้ว และ 4 นิ้ว มีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากับ 1´10-4 และ 1´10-5 ครั้ง/ปี ตามลำดับ ส่วนการที่ถังเก็บกักแตกจะมีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากับ 6´10-6 ครั้ง/ปี ส่วนถังที่เก็บกักที่ความดันบรรยากาศ (Atmospheric Storage Tank) ในกรณีรูรั่วขนาด ¼ นิ้ว ขนาด 1 นิ้ว และขนาด 4 นิ้ว มีโอกาสเกิดรั่วไหลเท่ากับ 4´10-5 1´10-4 และ 1´10-5 ครั้ง/ปี ตามลำดับ และถังเก็บกักแตก (Rupture Tank) มีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากับ 2´10-5 ครั้ง/ปี
                   เนื่องจาก LPG และโปรเพน จะถูกบรรจุอยู่ภายใต้ความดัน  ดังนั้นกรณีถังเก็บกักแตกจึงมีโอกาสการเกิด 6´10-6 ครั้ง/ปี/ภาชนะบรรจุ ส่วนก๊าซโซลีนธรรมชาติเท่ากับ 2´10-5 ครั้ง/ปี/ภาชนะบรรจุ เมื่อพิจารณา LPG โปรเพนและก๊าซโซลีนธรรมชาติจะอยู่ในสถานะก๊าซเมื่อเกิดการรั่วไหลขึ้น จากโอกาสการเกิดดังกล่าวจัดอยู่ในระดับ Improbable ตามการจัดกลุ่มของการเกิดเหตุการณ์ดังตารางที่ 5.4-2
                   เมื่อนำความถี่การเกิดความล้มเหลวของถังเก็บกักผลิตภัณฑ์ของโครงการมาคำนวณร่วมกับโอกาสในการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งในกรณีในสภาวะก๊าซและของเหลวตามเอกสารอ้างอิงของ API โดยแบ่งเป็นกรณีรั่วไหลทันทีทันใด และรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง ดังแสดงในตารางที่ 5.4-3 ถึงตารางที่ 5.4-6 และรูปที่ 5.4-1 พบว่าในกรณีเกิดการรั่วไหลของโปรเพนหรือ LPG ทันทีทันใด มีโอกาสเกิด Flash Fire มากกว่าเหตุการณ์อื่น (4.2´10-8 ครั้ง/ปี) และกรณีกำหนดรั่วไหลอย่างต่อเนื่องมีโอกาสเกิด Jet Fire มากที่สุด เท่ากับ 3.0´10-8 ครั้ง/ปี ในส่วนของก๊าซโซลีนธรรมชาติมีโอกาสเกิด Pool Fire เท่านั้น ดังแสดงในตารางที่ 5.4-7



ตารางที่ 5.4-1
ความถี่ของการเกิดความล้มเหลวของอุปกรณ์ต่าง ๆ จากการทบทวนข้อมูลทุติยภูมิ

ประเภทอุปกรณ์
แหล่งข้อมูล
(แห่ง)
ความถี่เกิดการรั่วไหลต่อปี
¼ inch
1 inch
4 inch
Rupture
Centrifugal Pump, Single seal
Centrifugal Pump, Double seal
Column
Compressor, Centrifugal
Compressor, Reciprocating
Filter
Fin/Fan Coolers
Heat Exchanger, Shell
Heat Exchanger, Tube Side
Piping, 0.75 inch diameter, per ft
Piping, 1 inch diameter, per ft
Piping, 2 inch diameter, per ft
Piping, 4 inch diameter, per ft
Piping, 6 inch diameter, per ft
Piping, 8 inch diameter, per ft
Piping, 10 inch diameter, per ft
Piping, 12 inch diameter, per ft
Piping, 16 inch diameter, per ft
Piping, >16 inch diameter, per ft
Pressure Vessels
Reactor
Reciprocating Pumps

Atmospheric Storage Tank

1
1
2
1
6
1
3
1
1
3
3
3
3
3
3
3
3
3
3
2
2
7
5
6 ´ 10-2
6 ´ 10-3
8 ´ 10-5
-
-
9 ´ 10-4
2 ´ 10-3
4 ´ 10-5
4 ´ 10-5
1 ´ 10-5
5 ´ 10-6
3 ´ 10-6
9 ´ 10-7
4 ´ 10-7
3 ´ 10-7
2 ´ 10-7
1 ´ 10-7
1 ´ 10-7
6 ´ 10-8
4 ´ 10-5
1 ´ 10-4
0.7
4 ´ 10-5
5 ´ 10-4
5 ´ 10-4
2 ´ 10-4
1 ´ 10-3
6 ´ 10-3
1 ´ 10-4
3 ´ 10-4
1 ´ 10-4
1 ´ 10-4
-
-
-
6 ´ 10-7
4 ´ 10-7
3 ´ 10-7
3 ´ 10-7
3 ´ 10-7
2 ´ 10-7
2 ´ 10-7
1 ´ 10-4
3 ´ 10-4
0.01
1 ´ 10-4
1 ´ 10-4
1 ´ 10-4
2 ´ 10-5
1 ´ 10-4
6 ´ 10-4
5 ´ 10-5
5 ´ 10-8
1 ´ 10-5
1 ´ 10-5
-
-
-
-
-
8 ´ 10-8
8 ´ 10-8
3 ´ 10-8
2 ´ 10-8
2 ´ 10-8
1 ´ 10-5
3 ´ 10-5
0.001
1 ´ 10-5
-
-
6 ´ 10-6
-
-
1 ´ 10-5
2 ´ 10-8
6 ´ 10-6
6 ´ 10-6
3 ´ 10-7
5 ´ 10-7
6 ´ 10-7
7 ´ 10-8
8 ´ 10-8
2 ´ 10-8
2 ´ 10-8
2 ´ 10-8
2 ´ 10-8
1 ´ 10-8
6 ´ 10-6
2 ´ 10-5
0.001
2 ´ 10-5
ที่มา : API, API Publication 581, first edition, May 2000.


ตารางที่ 5.4-2
การจัดกลุ่มโอกาสการเกิดเหตุการณ์

Category

โอกาสการเกิด (ต่อปี)
1.       Improbable
2.       Unlikely
3.       Infrequent
4.       Occasional
5.       Frequent
1.0´10-5
3.0´10-4
1.0´10-2
0.3
10
             ที่มา :  ปรับปรุงจากเอกสารประกอบการอบรมของ NPC “Hazard and Operability
                     (HAZOP) Studies and Hazard Analysis (HAZAN)


ตารางที่ 5.4-3
Specific Event Probabilities-Instantaneous Release Auto Ignition Not Likely1
Final State Gas-Processed Below Auto Ignition Temperature
Fluid
Probabilities of Outcomes
Ignition
Vapor Cloud Explosion (VCE)
Fireball
Flash Fire
Jet Fire
Pool Fire
C1-C2
C3-C4
C5
C6-C8
C9-C12
C13-C16
C17-C25
C25+
H2
H2S
0.2
0.1
0.1
0.1
0.04
-
-
-
0.9
0.9
0.04
0.02
0.02
0.02
0.01
-
-
-
0.4
0.4
0.01
0.01
0.01
0.01
0.005
-
-
-
0.1
0.1
0.15
0.07
0.07
0.07
0.025
-
-
-
0.4
0.4


0.02
0.02
0.01
0.01
0.005
0.005



0.08
0.08
0.04
0.04
0.015
0.015
หมายเหตุ  :    Shaded areas represent outcomes that are not physically possible.
                 1  Not likely if process temperature is less than auto ignition temperature plus 80oF.
ที่มา       :    API, API Publication 581, first edition, May 2000.

ตารางที่ 5.4-4
Specific Event Probabilities-Instantaneous Release Auto Ignition Not Likely1
Final State Gas-Processed Below Above Auto Ignition Temperature
Fluid
Probabilities of Out Comes
Ignition
Vapour Cloud Explosion (VCE)
Fireball
Flash Fire
Jet Fire
Pool Fire
C1-C2
C3-C4
C5
C6-C8
C9-C12
C13-C16
C17-C25
C25+
H2
H2S
0.2
0.1
0.1
0.1
0.05
-
-
-
0.9
0.9
0.04
0.03
0.03
0.03
0.01
-
-
-
0.4
0.4
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
0.06
0.02
0.02
0.02
0.02
-
-
-
0.4
0.4
0.10
0.05
0.05
0.05
0.02
-
-
-
0.1
0.2
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
หมายเหตุ     :  Shaded areas represent outcomes that are not physically possible.
                                    1 Not likely if process temperature is less than auto ignition temperature plus 80oF.
ที่มา          : API, API Publication 581, first edition, May 2000.

ตารางที่ 5.4-5
Specific Event Probabilities-Instantaneous Release Auto Ignition Not Likely1
Final State Liquid-Processed Below Above Auto Ignition Temperature
Fluid
Probabilities of Out Comes
Ignition
Vapour Cloud Explosion (VCE)
Fireball
Flash Fire
Jet Fire
Pool Fire
C1-C2
C3-C4
C5
C6-C8
C9-C12
C13-C16
C17-C25
C25+
H2
H2S


0.1
0.1
0.05
0.05
0.02
0.02






0.1
0.1
0.05
0.05
0.02
0.02
หมายเหตุ     :  Shaded areas represent outcomes that are not physically possible.
                                    1 Not likely if process temperature is less than auto ignition temperature plus 80oF.
ที่มา          : API, API Publication 581, first edition, May 2000.

ตารางที่ 5.4-6
Specific Event Probabilities-Continuous Release Auto Ignition Not Likely1
Final State Liquid-Processed Below Auto Ignition Temperature
Fluid
Probabilities of Outcomes
Ignition
Vapor Cloud Explosion (VCE)
Fireball
Flash Fire
Jet Fire
Pool Fire
C1-C2
C3-C4
C5
C6-C8
C9-C12
C13-C16
C17-C25
C25+
H2
H2S

0.1
0.1
0.1
0.05
0.05
0.02
0.02





0.02
0.02
0.01
0.01
0.005
0.005



0.08
0.08
0.04
0.04
0.015
0.015
หมายเหตุ     :  Shaded areas represent outcomes that are not physically possible.
                  1  Not likely if process temperature is less than auto ignition temperature plus 80oF.
ที่มา         : API, API Publication 581, first edition, May 2000.



Instantaneous-Type Release
โอกาสเกิดขึ้น (ครั้ง/ปี)
 
 

(0.02)
 



Vapor Cloud Explosion
1.2´10-8
(0.01)
 


Late Ignition


กรณี Propane / LPG
 



Flash Fire
4.2´10-8
(0.01)
 

(0.1)






Early Ignition
Fireball
6.0´10-9
6´10-6 ครั้ง/ปี
 







Above Auto Ignition Temperature
Fireball
-
Final State Gas





กรณีก๊าซโซลีนธรรมชาติ
 
No Ignition
(0.9)

Safe Dispersion
5.4´10-6






2´10-5 ครั้ง/ปี
 












Ignition
(0.1)

Pool Fire
2´10-6
Final State Liquid






No Ignition
(0.9)

Safe Dispersion
1.8´10-5




โอกาสเกิดขึ้น (ครั้ง/ปี)
 
Continuous-Type Release
(0.03)
 



Vapor Cloud Explosion
1.8´10-8
(0.02)
 


Late Ignition






Flash Fire
1.2´10-8
กรณี Propane / LPG
 
(0.05)
 

(0.1)



6´10-6 ครั้ง/ปี
 


Early Ignition
Jet Fire
3.0´10-8








Above Auto Ignition Temperature
Jet Fire
-
Final State Gas






No Ignition
(0.9)

Safe Dispersion
5.4´10-6






กรณีก๊าซโซลีนธรรมชาติ
 





2´10-5 ครั้ง/ปี
 
(0.1)
 









Pool Fire
2.0´10-7

Ignition
(0.1)



Final State Liquid



Jet Fire
-







No Ignition
(0.9)

Safe Dispersion
1.8´10-5
ที่มา  :  API, API Publication 581, first edition, May 2000.

รูปที่ 5.4-1 : แผนภาพต้นไม้แสดงเหตุการณ์เมื่อมีการรั่วไหลของ American Petroleum Institute
กรณีรั่วไหลทันทีทันใด (Instantaneous Release) และกรณีรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง (Continuous Release)


ตารางที่ 5.4-7
โอกาสที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการรั่วไหลของถังเก็บกักผลิตภัณฑ์






ผลิตภัณฑ์
โอกาสเกิดขึ้นของเหตุการณ์ (ครั้ง/ปี)

VCE
Flash Fire
Fireball / BLEVE
Jet Fire
Pool Fire












1. โปรเพน / LPG





·    รั่วไหลทันทีทันใด (Instantaneous Release)
1.2´10-8
4.2´10-8
6.0´10-9
-
-
·    รั่วไหลอย่างต่อเนื่อง (Continuous Release)
1.8´10-8
1.2´10-8
-
3.0´10-8
-












2. ก๊าซโซลีนธรรมชาติ





·    รั่วไหลทันทีทันใด (Instantaneous Release)
-
-
-
-
2.0´10-6
·    รั่วไหลอย่างต่อเนื่อง (Continuous Release)
-
-
-
-
2.0´10-7






หมายเหตุ :    - โอกาสเกิดการรั่วไหลของโปรเพน / LPG เท่ากับ 6´10-6 ครั้ง/ปี
                 - โอกาสเกิดการรั่วไหลของก๊าซโซลีนธรรมชาติ เท่ากับ 2´10-5 ครั้ง/ปี

5.5         การวิเคราะห์อันตรายร้ายแรง (Hazard Analysis)
             สำหรับทางโครงการนั้นได้วางระบบและมาตรการในการป้องกันการเกิดอันตรายร้ายแรง จัดให้มีระบบดับเพลิง โดยมีระบบป้องกันไฟด้วยหัวฉีดน้ำ โฟม และเคมีภัณฑ์แห้ง พร้อมกันนี้มีมาตรการป้องกันการเกิดอันตรายจากไฟและระเบิด ประกอบกับในโรงงานมีระบบความปลอดภัยในการทำงาน ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดอันตรายมีได้น้อยมากหรือแทบไม่เกิดเลย แต่คณะผู้ศึกษาก็ได้มีการประเมินผลกระทบจากความเสียหาย จากการเกิดอันตรายดังกล่าว ในกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) นอกจากนี้ในการประเมินอันตรายร้ายแรงในแต่ละกรณีนั้น พิจารณาเป็นไปตามแนวทางของธนาคารโลก (World Bank) ดังแสดงรายละเอียดแผนภูมิต้นไม้ในรูปที่ 5.5-1 และ 5.5-2

5.5.1       การจำแนกอันตรายร้ายแรง
             การจำแนกอันตรายร้ายแรงจะใช้วิธีและเทคนิคของธนาคารโลก (World Bank) (Techniques for Assessing Industrial Hazards a Manual, 1990) ซึ่งวิธีการศึกษาพิจารณาดังต่อไปนี้
(1)       บริเวณที่มีโอกาสเกิดการรั่วไหล ได้แก่ ถังกักเก็บผลิตภัณฑ์
(2)       ลักษณะการรั่วไหลมี 2 แบบ คือ รั่วไหลทันทีทันใด และรั่วไหลอย่างช้า ๆ


รูปที่ 5.5-1  แผนภูมิการประเมินกรณีเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของสารเคมีจากขบวนการผลิตหรือการเก็บกัก


รูปที่ 5.5-2  Flammable Gas Event Tree


(3)       การติดไฟมี 2 แบบ คือ ติดไฟแบบทันทีทันใด (Immediate Ignition) และการติดไฟทิ้งช่วง (Delayed Ignition)
(4)       การเกิดไฟไหม้ ความเสียหายจากการเกิดไฟไหม้ จะเกิดจากรัศมีความร้อนที่ได้รับ วัดในหน่วยพลังงานความร้อนต่อตารางเมตร โดยการเกิดไฟไหม้แบ่งได้ 4 ชนิด ดังนี้
·            Pool fire
·            Jet fire
·            Fireball และ BLEVE (Boiling Liquid Expanding Vapour Explosion)
·            Flash fire
(5)       ความเสียหายที่เกิดจากไฟ ผลกระทบที่เกิดจากไฟต่อบริเวณพื้นที่รอบ ๆ คือ รังสีความร้อน ความเสียหายที่เกิดจากรังสีความร้อน สามารถคำนวณมาจากปริมาณที่ได้รับรังสี ซึ่งจัดเป็นพลังงานต่อหน่วยพื้นที่ที่ได้รับรังสีตลอดเวลาการระเบิด ความเสียหายจากรังสีความร้อนดังกล่าวสรุปไว้ในตารางที่ 5.5-1

ตารางที่ 5.5-1
ความเสียหายจากรังสีความร้อนในระดับพลังงานความร้อนต่างกัน




ระดับความร้อน

ชนิดของผลกระทบ
(kW/m2)
ผลกระทบต่ออุปกรณ์
ผลกระทบต่อคน






37.5
·      ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต
·      100% ตาย ภายใน 1 นาที
·      1% ตาย ภายใน 1 วินาที
25
·      พลังงานต่ำสุดที่ทำให้ไม้ติดไฟโดยง่าย ไม่มีเปลวไฟ
·      100% ตาย ภายใน 1 นาที และมีการบาดเจ็บสาหัส ภายใน 10 วินาที
12.5
·      พลังงานต่ำสุดทำให้ไม้ติดไฟด้วยเปลวไฟ ท่อพลาสติกละลาย
·      1% ตาย ภายใน 1 นาที ผิวไหม้ ภายใน 10 วินาที
4.0
-
·      ทำให้ผิวหนังรู้สึกเจ็บ ปวดแสบผิวหนัง ถ้าอยู่นานกว่า 20 วินาที แต่ไม่ทำให้พุพอง
1.6
-
·      ทำให้รู้สึกไม่สบาย ถ้าสัมผัสเป็นเวลานาน




5.5.2       การวิเคราะห์อันตรายเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)
             การวิเคราะห์อันตรายเชิงปริมาณนั้น ข้อมูลคุณสมบัติของสารอันตรายและแหล่งอันตรายในโครงการฯ ได้แก่ ถังกักเก็บจะนำมาคำนวณเพื่อหาค่าระดับผลกระทบจากการรั่วไหลของสารเคมี ซึ่งจะใช้สมมติฐานว่าอันตรายที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดในสภาพที่อุปกรณ์เกิดความเสียหายอย่างสิ้นเชิง อันทำให้สารเคมีที่อยู่ในระบบรั่วไหลออกมา 100% ซึ่งการประเมินในลักษณะนี้จะได้ค่าผลกระทบสูงสุด ซึ่งในการประเมินระดับของการแผ่รังสีความร้อน (Heat Radiation) โดยใช้สมมติฐานว่าสารเคมีไวไฟในระบบรั่วไหลแล้วเกิดการติดไฟจากแหล่งกำเนิดนั้นเอง โดยจะประเมินเป็นค่าของระดับความร้อนที่ก่อให้เกิดผลกระทบแตกต่างกัน
5.6         การคำนวณระดับความรุนแรง
             การประเมินอันตรายร้ายแรงจากการดำเนินการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง คือ บริเวณถังเก็บกัก โดยได้พิจารณาศักยภาพของการเกิดอันตรายในกรณีเกิดสารรั่วไหล 100% แล้วทำให้เกิดเป็นลูกไฟ (Fireballs) Jet Fire และ Pool Fire สามารถสรุปได้ดังนี้
             (1)   ถังเก็บกักก๊าซโซลีนธรรมชาติ (Natural Gasoline)
                   จากผลการศึกษาเมื่อกำหนดให้เกิดรั่วไหลและเกิดเหตุการณ์แบบ Pool Fire จะพบว่าในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 จะมีรัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 577.9-188.7 เมตร โดยจะครอบคลุมอยู่ภายในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง (ตารางที่ 5.6-1 และรูปที่ 5.6-1) ส่วนการเกิดเหตุการณ์ BLEVE ในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 รัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 1,850-604.6 เมตร โดยรัศมีความร้อนนี้จะครอบคลุมพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด (ตารางที่ 5.6-1 และรูปที่ 5.6-2) และรายละเอียดการคำนวณดังแสดงในภาคผนวก น
             (2)   ถังเก็บกักก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
                   จากผลการศึกษาเมื่อกำหนดให้เกิดรั่วไหลและเกิดเหตุการณ์แบบ Pool Fire จะพบว่าในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 จะมีรัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 615.6-201.1 เมตร โดยจะครอบคลุมอยู่ภายในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง (ตารางที่ 5.6-2 และรูปที่ 5.6-3) ส่วนการเกิดเหตุการณ์ BLEVE ในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 รัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 2,060-673.8 เมตร โดยรัศมีความร้อนนี้จะครอบคลุมพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด (ตารางที่ 5.6-2 และรูปที่ 5.6-4) และรายละเอียดการคำนวณดังแสดงในภาคผนวก น
             (3)   ถังเก็บกักก๊าซโปรเพน (Propane)
                   จากผลการศึกษาเมื่อกำหนดให้เกิดรั่วไหลและเกิดเหตุการณ์แบบ Jet Fire จะพบว่าในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 จะมีรัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 557.1-373.2 เมตร โดยจะครอบคลุมอยู่ภายในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม (ตารางที่ 5.6-3 และรูปที่ 5.6-5) ส่วนการเกิดเหตุการณ์ BLEVE ในช่วงระดับพลังงาน 4.0-37.5 kW/m2 รัศมีความร้อนแผ่กระจายอยู่ในช่วง 2,070-676.9 เมตร โดยรัศมีความร้อนนี้จะครอบคลุมพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด (ตารางที่ 5.6-3 และรูปที่ 5.6-6) และรายละเอียดการคำนวณดังแสดงในภาคผนวก น

5.7         สรุปการประเมินอันตรายร้ายแรง
             จากผลการศึกษาเมื่อเกิดกรณีสารเคมีรั่วไหล ลูกไฟ (Fireball) Pool Fire และ Jet Fire ที่อาจจะเกิดขึ้น จะมีรัศมีความร้อนจะครอบคลุมพื้นที่ภายในพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติและบริเวณใกล้เคียง แต่กระนั้นเหตุการณ์เหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากทางโรงงานมีมาตรการป้องกันด้านต่าง ๆ มากมาย รวมถึงแผนฉุกเฉิน และการศึกษา HAZOP ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากอันตรายร้ายแรงจึงอยู่ในระดับต่ำ


ตารางที่ 5.6-1
รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Pool Fire และ BLEVE ของก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL)






ระดับพลังงาน
Pool Fire
BLEVE
(kW/m2)
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน










4.0
577.9
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
1,850.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด
12.5
326.9
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
1,050.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม
37.5
188.7
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
604.6
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม






ตารางที่ 5.6-2
รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Pool Fire และ BLEVE ของ LPG






ระดับพลังงาน
Pool Fire
BLEVE / Fireball
(kW/m2)
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน










4.0
615.6
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และนิคมอุตสาหกรรม
2,060.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด
12.5
348.3
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
1,170.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม
37.5
201.1
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
673.8
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม






ตารางที่ 5.6-3
รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Jet Fire และ Fireball / BLEVE ของ โปรเพน






ระดับพลังงาน
Jet Fire
BLEVE / Fireball
(kW/m2)
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน
รัศมีการแผ่ความร้อน (.)
ลักษณะการใช้ที่ดิน










4.0
577.1
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
2,070.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม บางส่วนของชุมชนบ้านพลง ชุมชนห้วยโป่ง และชุมชนมาบชลูด
12.5
431.2
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
1,170.0
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม
37.5
373.2
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
676.9
พื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรม







รูปที่ 5.6-1  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Pool Fire ของก๊าซโซลีนธรรมชาติ


รูปที่ 5.6-2  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด BLEVE ของก๊าซโซลีนธรรมชาติ


รูปที่ 5.6-3  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Pool Fire ของปิโตรเลียมเหลว (LPG)


รูปที่ 5.6-4  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด BLEVE ของปิโตรเลียมเหลว (LPG)


รูปที่ 5.6-5  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Jet Fire ของโปรเพน


รูปที่ 5.6-6  รัศมีการแผ่ความร้อน ในกรณีเกิด Fireball / BLEVE ของโปรเพน